a day
"การจากไปของแก้วน้ำ"
แก้วน้ำใบนั้นสอนอะไรฉันบ้าง
สอนฉันว่าเธอนั้นช่างเปราะบาง
สอนฉันว่าฉันนั้นควรระมัดระวัง
สอนฉันว่าฉันนั้นผิดพลาดได้
สอนฉันว่าฉันนั้นไม่ควรยึดติด
สอนฉันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
สอนฉันว่าฉันสามารถมีแก้วใบโปรดใบใหม่
เหนือสิ่งอื่นใด.. เธอสอนฉันว่าฉันสามารถรองน้ำด้วยมือของฉันเองได้
นักคิดจิปาถะ 112 ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ
บทความจากคอลัมภ์หนึ่งในนิตยสาร a day เมื่อผมยื่นเงินจำนวน 80 บาทให้ร้านหนังสือ หน้าแรกที่ผมจะอ่านคงเป็นหน้าของนักคิดจิปาถะเป็นอันดับแรก แล้วค่อยๆอ่านในคอลัมภ์ต่อไปว่ามีเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง ซึ่งคอลัมภ์ในนิตยสาร a day จะให้แง่คิด ข้อคิด คติเตือนใจหลายอย่างมากมาย ซึ่งในแต่ละฉบับนั้นจะมีเมนคอร์สที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นเรื่องของสถาที่ท่องเที่ยว เป็นเรื่องของตัวการ์ตูน เป็นเรื่องของโรงเรียน ซึ่งบางทีผมก้คิดไม่ถึงว่าเขาคิดเมนคอร์สเหล่านี้มาจากไหน และคิดขึ้นมาได้อย่างไร มันแลดูแปลกใหม่ น่าติดตาม น่าค้นหา แค่หน้าปกก็ชวนผมเสียตังค์ซื้อแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่เคยเสียดายเงินจำนวน 80 บาท ให้กับนิตยสารดีๆเล่มนี้เลยนะครับ เพราะอะไรน่ะหลอ?? ? เพราะมันมีประโยชน์ในทุกๆคอลัมภ์ที่คุณอาจไม่เคยรู้ หรือเมื่อคุณอ่านคอลัมภ์ไหนแล้วพูดได้คำเดียวว่า “แมร่ง เจ๋ง ว่ะ !! !”
Thing positive / เรื่องช่างคิดประจำเดือน เป็นเรื่องของการนำเอาสิ่งประดิษฐ์แบบใหม่ๆที่เกิดขึ้น อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มานำเสนอให้ผู้อ่านได้พูดคำว่า คิดได้ไงอ่ะ เช่น หัวข้อ “ตะกร้อ ขอเปลี่ยน!!” ของ วอ ณ บางประอิน กล่าวคือ นักประดิษฐ์หัวสร้างสรรค์ เห็นว่าสุนัขที่ถูกตะกร้อครอบปาก หมายถึง การดุร้าย การโหดร้าย ของเจ้าสุนัข หรือเพื่อความปลอดภัยของคน แม้ว่ามันอาจไม่ต้องการทำร้ายใคร และเข้าคิดว่าถ้าคนที่รักสุนัขมาเห็นอาจรู้สึกไม่สบายใจ สงสาร และแอบหงุดหงิดแทนน้องหมาตัวนั้นก็เป็นได้ เข้าจึงสร้างสรรค์และสรรค์สร้างตระก้อครอปปากยิ้มแย้มสุดแสนน่ารัก เพื่อเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิมจากน้องหมาดุร้าย นิสัยไม่ดี กลายเป็นน้องหมาน้อยอารมณ์ดีและเป็นมิตรในพริบตา นี่เป็นแค่เพียงหนึ่งตัวอย่างของคอลัมภ์ thing positive 129 ยังมีผลงานอีกมากมายที่คิดค้น และประดิษฐ์ขึ้นมา ให้ชาว a day ได้อ่าน ได้มีแนวคิดใหม่ๆ เป็นของตัวเอง ใครจะรู้ล่ะครับว่า คนที่แค่อ่านในปัจจุบันอาจมีผลงานลงนิตยสาร a day หรือก้าวไกลมากกว่าแค่การลงนิตสารก็เป็นได้
PC FLOOR เป็นหนึ่งในคอลัมภ์ของนิตยสาร a day เป็นคอลัมภ์ที่เกี่ยวกับการเขียนโปสการ์ดจากแฟนคลับ ในแต่ละเล่มทีมงานจะมีการคัดเลือกโปสการ์ดจากแฟนคลับเพื่อลงนิตยสารโดยประมาณแล้ว 8-10 ฉบับต่อเล่ม ซึ่งแฟนคลับจะเขียนถึง สถานที่ที่เข้าไปมา บ้างก็เขาใหญ่ บ้างก็ปาย โดยรายละเอียดก็เป็นแนวเล่าสู่กันฟัง ผมอ่านแล้วก็ได้รู้ว่าตอนนั้นสถานที่นั้นเป็นอย่างไร จะไปดีหรือไม่ นี่ก็เป็นข้อดีของคอลัมภ์นี้นะครับ บางคนก็เขียนอยากให้ a day สัมภาษณ์ใคร อยากให้เล่มหน้ามีเมนคอร์สแบบไหน บ้างก็เขียนให้กำลังใจ a day บ้างก็วาดรูปน่ารักๆ ส่งมาให้ รวมถึงเขียนคำคมดีๆ สั้นๆ ให้แฟนคลับคนอื่นๆมาอ่านกัน เช่น ...เธอเคยเชื่อมั้ย เราต่างเกิดมาเพื่อใครซักคน... แน่นอนว่าผมก็เป็นแฟนคลับตัวโยงของนิตยสาร a day และเคยเขียนโปสการ์ดไปเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ลงเป็นส่วนหนึ่งของ PC FLOOR เลยซักครั้ง บางทีผมจะต้องสรรค์สร้างคำพูดดีๆ คำคมไพเราะเพราะพริ้ง เพราะผมอยากมีโปสการ์ดลงนิตยสารที่ผมรักให้ได้
Retweet เป็นอีกคอลัมภ์ที่ผมชอบในระดับต้นๆ ของนิตยสาร a day เลยละครับ retweet คือปรัชญาในทวิตเตอร์ โดยจะมีคำคม หรือปรัชญาดีๆ 10 ประโยคโดนใจ ซึ่งทางทีมงานของ a day จะคัดเลือกมาลงในนิตยสารทุกๆ ฉบับเป็นอย่างดี เช่น...
- หลานเจ็ดขอบบอกว่า รถมันก็ติดเหมือนเมื่อวานนั้นแหละ!!! เออว่ะ @thitipan
- ผมไม่ได้อยากนอนแค่หลับตาเพื่อรอเวลาตื่น ผมไม่ได้อยากหลับฝันดี เพราะช่วงเวลาที่ใช้ในการทำ “ฝัน” ให้ “ดี” ต้องเป็นเวลาที่ “ตื่น” เท่านั้น @na_nake
- เหตุผลที่เด็กผู้ชายไม่ควรเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เพราะว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ในวัยไหนก็ควรจะรู้ว่า ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น @Preeyaparn
นั้นเป็นเพียง 3 ประโยเด็ด จาก 10 ประโยค จากนิตยสาร a day 129 ผมคิดว่าบางทีในประโยคเด็ดๆ ก็ซ่อนแง่คิดดีๆให้กับผู้อ่านเช่นกัน ผู้ใหญ่อายุ 40 ปี บ่นทุกครั้งที่รถติด ซึ่งมันก็ติดทุกวัน แล้วเราก็ไม่มีทางแก้ไขมันได้ แต่เด็ก 7 ขวบก็พูดออกมาว่า มันก็ติดของมันทุกวัน นี่ก็เรื่องจริง เรื่องจริงอีกเรื่อง คุณลองย้อนคิดนะครับว่า ทำไมเวลาที่เรากำลังฝันดีๆ อินไปกับการฝันนั้น นาฬิกาต้องปลุกทุกที ผมคิดว่าในทุกๆบทความมีแง่คิดทั้งหมดแหละครับ และผมก็เชื่อว่าเมื่ออ่านแล้วคนอ่านต้องยิ้มอย่างแน่นอน บางคนอาจนำเอาไปตั้งสถานะ Facebook เหมือนผมก็ได้ แต่อย่าลืมใส่เครดิตผู้คิดปรัชญาดีๆให้เขาด้วยแล้วกันนะครับ
นั้นเป็นเพียง 3 ประโยเด็ด จาก 10 ประโยค จากนิตยสาร a day 129 ผมคิดว่าบางทีในประโยคเด็ดๆ ก็ซ่อนแง่คิดดีๆให้กับผู้อ่านเช่นกัน ผู้ใหญ่อายุ 40 ปี บ่นทุกครั้งที่รถติด ซึ่งมันก็ติดทุกวัน แล้วเราก็ไม่มีทางแก้ไขมันได้ แต่เด็ก 7 ขวบก็พูดออกมาว่า มันก็ติดของมันทุกวัน นี่ก็เรื่องจริง เรื่องจริงอีกเรื่อง คุณลองย้อนคิดนะครับว่า ทำไมเวลาที่เรากำลังฝันดีๆ อินไปกับการฝันนั้น นาฬิกาต้องปลุกทุกที ผมคิดว่าในทุกๆบทความมีแง่คิดทั้งหมดแหละครับ และผมก็เชื่อว่าเมื่ออ่านแล้วคนอ่านต้องยิ้มอย่างแน่นอน บางคนอาจนำเอาไปตั้งสถานะ Facebook เหมือนผมก็ได้ แต่อย่าลืมใส่เครดิตผู้คิดปรัชญาดีๆให้เขาด้วยแล้วกันนะครับ
นักคิดจิปาถะ เป็นคอลัมภ์ที่ผมชอบมากที่สุด ผมชอบความคิดของคนที่เขียน ชอบคิดอะไรแปลกๆ หักมุมตอนท้าย ให้แง่คิดทั้งๆที่เป็นเรื่องที่อาจไม่มีแง่คิดก็เป็นได้ บางทีในชีวิตประจำวันของผม เมื่อผมเจอกับเหตุการณ์นึ่ง ผมก็เอานักคิดจิปาถะเข้าไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยครับ หาถามว่าคอลัมภ์นี้ผมชอบกวีไหนมากที่สุดคงเป็น “การจากไปของแก้วน้ำ” ส่วนรองลงมาคงเป้น “ไข่ดาวหนึ่งร้อยฟอง” ลองอ่านดูนะครับว่า นักคิดจิปาถะเขาให้อะไรกับคนอ่าน
“ไข่ดาวหนึ่งร้อยฟอง”
ไข่ใบที่สิบสอง กลุ่มก้อนขาวๆ เหลืองๆ
ไข่ใบที่ยี่สิบเจ็ด เริ่มเป้นรูปเป็นร่าง
ไข่ใบที่แปดสิบสอง ขอบไข่ฟูกรอบสวยงาม
ไข่ใบที่เก้าสิบเก้า ไข่ดาวยางมะตูมช่างน่ากิน
ไข่ใบที่เท่าไหร่ ฉันก็สามารถบังคับน้ำมัน ไฟ และไข่ ได้อย่างใจ
ไข่ใบที่เท่าไหร่ ฉันก็สามารถบังคับน้ำมัน ไฟ และไข่ ได้อย่างใจ
มีคนถามฉันว่า “เธอทำได้อย่างไร ช่วยบอกเคล็ดลับนั้น... ให้ฉันที”
ฉันตอบกลับไปว่า...
“เคล็ดลับของการทอดไข่ อยู่ในทุกๆใบที่เธอทอด"
ขอขอบคุณ ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ ที่คิดบทความดีๆ เจ๋งๆ มาให้ผม และแฟนคลับ a day อ่านกันนะครับ
ขอขอบคุณ ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ ที่คิดบทความดีๆ เจ๋งๆ มาให้ผม และแฟนคลับ a day อ่านกันนะครับ
a spiritual day ของคุณไตรรงค์ ประสิทธิผล คอลัมภ์นี้จะเป็นแนวการ์ตูน ซึ่งจะมีข้อคิดแฝงไว้ในเรื่อง ในคอลัมภ์นี้จะมีแค่หนึ่งหน้าเท่านั้น แต่อาจมีหลายบล็อก หลายตัวละคร แต่รับรองได้ว่า มีข้อคิด แง่คิด คำคม หรือคำพูดดีๆ ให้แฟนคลับได้อ่านกันอย่างแน่นอน
นิตยสาร a day ฉบับ 129 ประจำเดือน พฤษภาคม 2554 ซึ่งมีเมนคอร์สเกี่ยวกับความหลากหลายของระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน รูปแบบการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนทั้งในและนอกระบบ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและยิ่งใหญ่ในแง่ของการพัฒนามนุษย์ผ่านการเรียนรู้ ซึ่งข้อมูล ภาพถ่าย และบทสัมภาษณ์ทั้งหมด ได้มาจากการลงพื้นที่ศึกาจากทีมงานทั้งสิ้น ซึ่งทางทีมงานหวังว่าเมรคอร์สฉบับนี้จะให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกา และกระตุ้นความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเรียน กระดานดำ ระเบียงห้อง และแจกันใส่ต้นพลูด่างที่โต๊ะคุณครูให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง และช่วงเวลาในโรงเรียนทั้งตอนหัวเราะและร้องไห้ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำเสมอ เมื่อผมอ่านคำนำของเมนคอร์ส a day 129 แล้วหลับตาลง ก็เห็นภาพตัวเองใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงสีกากี รองเท้าผ้าใบ กระโดดโลดเล่นอยู่ที่โรงเรียนทันที ทำให้ผมคิดถึง และอยากกลับเรียนมัธยมอีกครั้ง a day 129 รวบรวม 27 โรงเรียน 27 บรรยากาศ ให้แฟนคลับได้อ่านและระลึกถึงกัน ผมขอยกตัวอย่าง ดังนี้
1. โรงเรียนอนุบาลบ้านรัก : โรงเรียนที่ไม่สอนเขียน ก ไก่ แต่สอนให้เข้าใจโลก ผ่านการเล่นและการลงมือทำ
2. โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ : โรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งแรกของประเทศไทยที่สอนให้เด็ก “พูด” กับสังคม
3. โรงเรียน BANGKOK CITY BALLET : โรงเรียนบัลเลต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เห็น “เวที” เป็นสำคัญ
4. บ้านเรียนครอบครัวศรียะพันธ์ : โรงเรียนในบ้านที่สอน 2 ลูกศิษย์จอมซนให้เป็นเด็กสมวัย
5. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ : โรงเรียนวิทยาศาตร์ที่เข้มทั้งวิชาการ ข้นทั้งกิจกรรม และคั้นให้เด็ก “คิด” เป็น
6. โรงเรียนสมุดไท สอนศิลปะและการออกแบบ : โรงเรียนที่มีรูปแบบการสอนด้วยการม่ทำลายจินตนาการของเด็ก
7. โรงเรียนปัญญาวุฒิกร : โรงเรียนของคนปัญญาอ่อนที่สอนสังคม ให้อ่อนโยนและเข้มแข็ง
8. โรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี : ผู้นำแฟชั่นระดับตำนาน และทำชุดให้หญิงไทยคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาล
9. โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี : โรงเรียนที่ผลิตนักกีฬาทีมชาติไปคว้าเหรียญทอง
10. โรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน : โรงเรียนของนักแสดงที่ไม่ได้สอนการแสดง
11. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ : โรงเรียนผลิตผู้หมวดที่เดียวของไทย ส่งต่อตำรวจไทยรุ่นต่อไป เป็นต้น
แต่โรงเรียนที่ผมชอบ และขอยกตัวอย่าง คือโรงเรียนวชิราวุธ โรงเรียนสร้างสุภาพบุรุษตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เน้นการเรียนการสอนที่สร้างลูกผู้ชายที่ครบเครื่อง โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคารพและดูแลกันและกัน เพื่อสอนให้เด็กออกไปเป็นหัวหน้าและลูกน้องที่ดีไปพร้อมๆกัน การเรียนเน้นวิชาการและสุนทรียศาสตร์ ส่วนดานกีฬา รักบี้ เป็นกีฬาประเพณีของโรงเรียน มีปรัชญาที่น่าสนใจว่า “กีฬาถ่อยที่เล่นโดยสุภาพบุรุษ” เพราะรักยี้เป็นกีฬาที่สามารถนอกกติกาได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าโรงเรียนนี้จะมีกฎกติกามากมาย เวลาทำผดก็โดนทำโทษกันทั้งหมูคณะ แต่พวกเข้าก็รักโรงเรียนนี้ รักเพื่อนที่ถูกทำโทษไปด้วยกัน รักรุ่นพี่ รุ่นน้อง ครู อาจารย์ ที่ทั้งตึงและหย่อน พร้อมกินนอนมาด้วยกัน และเขาก็ภูมิใจที่ได้เรียนโรงเรียนนี้ บางทีดูเหมือนข้อเสียอย่างเดียวของที่นึกได้คือ เด็กดรงเรียนนี้จีบผู้หญิงไม่ค่อยเก่งเอาเสียเลย เมนคอร์สในแต่ละเล่มมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ให้ความรู้ และความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ผู้อ่านนำความรุ้ที่ได้จาก a day ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีประโยชน์แล้วกันนะครับ
10 cantos คือ บทกวี 3 บรรทัด ที่แต่ละบรรทัดดูมีความอิสระ เมี่อนำมารวบรวมกันแล้ว ก่อเกิดเป็นจังหวะภาษาและเรื่องราวสั้น ที่มากด้วยอารมณ์และความหมายในหัวข้อของแต่ละอาทิตย์ ทางทีมงานจะคัดมาเพียง 10 บท จากทั้งหมดที่ส่งมา หากผู้ใดได้ขึ้นนิตยสาร a day คอลัมภ์ 10 แคนโต้ จะได้รับรางวัลจากทีมงาน ซึ่งส่วนมากจะเป้นหนังสือดีๆ ซักเล่ม สองเล่ม แล้วแต่อาทิตย์ ส่วน a day 129 มีหัวข้อ “กระดานดำ” ผมขอยก 3 อันดับที่ได้รับรางวัลแล้วกันนครับ
1.) เสียงหัวเราะ ความรู้ ในเวลาที่หายไป
2.) ความรู้ เปื้อน ฝุ่น
3.) เรายืนเขียน กระดานดำ ข้างๆกัน เป็นต้น
Indie reviewed เวทีวิจารณ์ ในคอลัมภ์นี้เป็นเหมือนการขายของ ทาง a day เขาจะนำเอาพวก หนังสือ ภาพยนตร์ อัลบั้มเพลง คลิปวิดิโอ สถานที่ มาพูดคุย บอกเล่าให้แฟนคลับฟัง ซึ่งเขาจะบอกข้อดี ข้อที่น่าสนใจ นำมาวิจารณ์ บอกเล่าให้แฟนคลับ a day ได้รับรู้และหากอยากรู้มากกว่านี้ ก็คงจะไปติดตามกันในนั้นเอาเอง คอลัมภ์นี้มีหลายคนเขียนขึ้น ผมชอบนะครับอ่านแล้วน่าติดตามดี เพราะขนาดผม ผมเองยังติดตาม หาภาพยนตร์ที่ a day นำมาลงไปดูจนได้ หรือสถานที่เที่ยวที่เขานำมาลง ผมก็ทะเยอะทะยานที่จะไป และมันก็ดีจริงอย่างที่ a day พูดไว้จริงๆ
นิทานล้านบรรทัด คอลัมภ์ปิดท้ายของนิตยสาร a day ของคุณ ประภาส ชลศรานนท์ บ้างเป็นเนื้อเรื่องความเรียง บ้างก็เป็นกลอน บางทีเขาก็เขียนเป็นนิทาน แต่บางทีก็ไม่ใช่นิทาน เขาเขียนขึ้นเพื่อเป็นแง่คิดเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะปิด นิตยสาร a day ลง แล้วเก็บไว้ในลิ้นชักชวนให้หยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
a day ในแต่ละฉบับมีความแปลกแตกต่างกันไป ในแต่ละคอลัมภ์มีข้อคิด แนวคิดดีๆ มีคำแนะนำดีๆ มีคำคมน่าฟัง มีรูปภาพน่ารักๆ แตกต่างกันไป ผมดั้บประโยชน์มากมายจาก a day ในทุกๆเล่ม ผมจะชอบ ติดตาม และจงรักภักดีต่อ a day ในทุกเล่ม ทุกๆฉบับ ทุกๆคอลัมภ์ เพราะผมถือคติที่ว่า “อย่าเสียดายเงินเพียง 80 บาท กับคว ามรู้จากผู้เขียนมากกว่า 80 คน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น