วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

อิทธิพลของสื่อสิ่งพิมพ์ "ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง"


ในปัจจุบันโลกของเราได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ วิถีชีวิต วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงเรื่องของการเมืองการปกครองด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทุกๆสิ่งล้วนเกิดจากวิวัฒนาการจากอดีตจนปัจจุบัน เช่นสมัยก่อน การปกครองเป็นในรูปแบบ พ่อปกครองลูก หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนปัจจุบันการปกครองจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ในหัวข้อของการเมืองหลายคนพยามปฏิเสธว่า ตนเองไม่ชอบการเมือง ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การเมืองน่าเบื่อ การเมืองน้ำเน่า แต่อย่างไรก็ดี การเมืองส่งผลกระทบต่อตัวเราโดยตรงอย่างที่เราไม่รู้ตัว การที่เราเลือกคนไม่ดีเข้าไปในสถา ก็ส่งผลกระทบต่อตัวเรา เช่น ถ้าของแพง มันก็เกิดจากการเมือง การบริหารการจัดการน้ำท่วมไม่ดี ก็เกิดจากการเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว ในเรื่องของการเมืองเป็นหน้าที่การตัดสินใจของคนทั้งประเทศ แต่การที่เราจะเลือกใครซักคน การที่เราจะรับรู้ว่า เขาเป็นอย่างไร นโยบายของเขาเป็นอย่างไร เราสามารถรับรู้ได้จากหลากหลายทางมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อวิทยุ สื่อจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ทางอินเตอร์เน็ต หรืออีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง นั้นเอง


ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง คือป้ายโฆษณาตัวผู้สมัคร ด้วยตัวอักษร ภาพ สี เพื่อแสวงหาคะแนนเสียง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับประเทศ ย่อมต้องใช้ป้ายหาเสียงด้วยกันทั้งนั้น

อิทธิพลอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าเป็นข้อดีของป้ายหาเสียงกล่าวคือ อาจต้องบอกก่อนว่า ฐานะของคนในปัจจุบันแตกต่างกันออกไป บางบ้านอาจไม่มีโทรทัศน์ บางบ้านอาจไม่มีวิทยุ อาจไม่มีอินเตอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าบางบ้านอาจไม่สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทุกๆคน ไม่สามารถจะรับรู้นโยบายได้ และอย่างบางคนที่ไม่ชอบเรื่องของการเมือง เขาก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับรู้ในเรื่องของการเมืองเลย ไม่เปิดทีวีช่องการเมือง ไม่ฟังคลื่นวิทยุช่องการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถรับรู้ได้ทั่วกัน คือทุกๆคนต้องออกจากบ้าน ทุกๆคนต้องทำมาหากิน ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่สามารถอยู้บ้านได้ตลอดเวลา และเมื่อออกจากบ้านในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นเป็นประจำนั้นก็คือ ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นป้ายหาเสียงเลือกตั้งเป็นสื่อหลักที่จะเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้มากที่สุด ง่ายที่สุดที่จะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงข้อมูล หน้าตา นโยบาย วุฒิการศึกษา ประวัติการทำงานของผู้สมัคร  ซึ่งมันจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใครซักคนเข้ามาดูแลประชาชน บริหารชุมชน สังคม และประเทศชาติของเรา ยิ่งหากป้ายเลือกตั้งมีมาก มันเป็นหลักจิตวิทยาที่ว่า มันจะฝังอยู่ในใจของเรา เช่น พรรคเอ มี 100 ป้าย เดินทุกๆ 3 ก้าวจะเห็นป้ายหาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับพรรคบี มีแค่ ป้าย แน่นอนว่าเราต้องเลือกพรรคเอ อันนี้เป็นหลักของคนทั่วไป ฉะนั้นการเลือกตั้งมันส่งผลกระทบต่อมวลรวมของคนส่วนใหญ่มาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายเลือกตั้ง ที่ออกมาควบคุมจำนวนป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ว่าในแต่ละเขตติดได้ไม่เกินกี่ป้าย หากพรรคไหนรวยมาก ก็ติดป้ายมาก เขาถือว่าทุกคนต้องเท่าเทียมกัน สาเหตุสำคัญที่ต้องมีกฎหมายควบคุมป้ายหาเสียงเลือกตั้งนั้นก็เพราะว่า ป้ายหาเสียงเลือกตั้งเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการเลือกบุคคลเข้าดูแลประชาชน บริหารชุมชน สังคม และประเทศชาติ เป็นอย่างมาก

อิทธิพลที่เป็นข้อเสียของป้ายหาเสียง คือป้ายเลือกตั้งเราไม่สามารถเชื่อถือมันได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เขาเขียนมา สิ่งที่เขาสื่อมาจากทางป้ายเลือกตั้ง อาจจะเป็นเพียวแค่คำลวง เราต้องพิจารณานโยบายของเขาด้วย ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เช่น ถ้าเขาบอกว่าเขาจะสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เราก็ต้องไตร่ตรอง คิดซักนิดว่า เขาจะทำได้หลอ ซึ่งแน่นอนมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่หากเราเห็นว่ามันเป็นความคิดที่สุดยอด และเราเลือก มันก็อาจจะกลายเป็นว่า เราเลือกคนไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย ซึ่งอาจก่อผลเสียโดยตรงต่อตัวเราเอง ต่อชุมชน ต่อสังคม หรือต่อประเทศได้ ข้อเสียของป้ายหาเสียงเลือกตั้งโดยทางอ้อมอีกข้อหนึ่ง คือ เกิดการบทบังทัศนียภาพของเมือง บทบังความงดงามของเมือง แต่ในปัจจุบันป้ายหาเสียงเลือกตั้งสามารถนำไปรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ได้


ตัวอย่างข่าวหรือเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับป้ายหาเสียงเลือกตั้งที่เห็นชัดที่สุด และรุนแรงที่สุด ก็คงจะเป็นป้ายเลือกตั้งของพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย พรรคการเมืองใหม่ ที่เป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ (สุนัข ควาย ตัวเงินตัวทอง เป็นต้น) นี่ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งสาเหตุที่เขาทำป้ายออกมานั้นคือเข้าเห็นว่านักการเมืองเป็นคนไม่ดี ไม่ต่างจากสัตว์ประเภทต่างๆที่เขาได้ทำป้ายหาเสียงเลือกตั้ง เรามาพัฒนารูปแบบของการเมืองให้เป็นรูปแบบใหม่กันดีกว่า ด้วยการ vote no หรือการไม่เลือกผู้สมัครเบอร์ใดเลยก็ตาม ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการเข้าใจผิดของการเลือกตั้ง เข้าคิดว่าการ vote no เกินกี่เขตจะทำให้ประชุมสภาไม่ได้ แต่จริงๆมันอาจไม่ใช่แบบนั้น หากถามว่าป้ายเลือกตั้งแบบนี้ผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างไร การทำป้ายในลักษณะนี้ขึ้นมาในเลือก vote no คือไม่เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเบอร์ใดๆ นั้นเป็นการสนับสนุนให้บุคคล ไม่เลือกสภาผู้แทนราษฎร นั้นเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้ง สุดท้าย กกต ก้ให้ถอนป้ายเหล่านั้นออก

ป้ายหาเสียงเลือกตั้งมีอิทธิพลทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจ และการพิจารณาของประชาชนว่าเชื่อป้ายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองมากน้อยเพียงใดแล้วละครับ

ปล. เข้าว่ากันว่า ไม่ควรพูดเรื่องการเมืองกันเพราะอาจทำให้คนทะเลาะกัน ในหัวข้อของป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ผมวิเคราะห์ด้วยตนเอง ว่ามีอิทธิพลที่เป็นทั้งข้อดี และข้อเสียอย่างไ แต่ในเรื่องของข่าว หรือเหตุการณ์ประกอบนี่เป็นข่าวจากทางอินเตอร์เน็ต ผมไม่ได้คิดเอง ไม่ได้โทษ ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นได้ชัดเจนดีค่ะ..

    ตอบลบ