วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์สื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัล (แก้) "ฉบับเผ็ดร้อน"

             จากเวทีการประกวดที่ยิ่งใหญ่กับการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 ของสมาคมการพิมพ์ไทย ภายใต้สโลแกน “Beyond the Border of Printing Excellence” ซึ่งมีหมายความว่า การก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่เหนือกว่าความยอดเยี่ยมในครั้งที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศไทยได้ประสบผลสำเร็จในระดับนานาชาติ เมื่อได้ก้าวสู่อันดับ 1 ของเอเชีย จากการส่งผลงานที่ได้รับรางวัลเหรียญทองชนะเลิศไปร่วมแข่งขันในงาน Asian Print Awards ซึ่งรางวัล Gold Awards เป็นของโปสเตอร์ Vios Minor Change ต้องขอยอมรับว่าหลักการออกแบบของเขาคู่ควรกับรางวัลจริงๆ มีความถูกต้องตามหลักการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจุดประสงค์ที่เด่นชัด การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มีความเป็นเอกลักษณ์ เห็นแล้วจดจำได้ง่าย ลักษณะการวางภาพที่สวยงาม ขนาดและแบบอักษรมีการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงมีคำโปรยโฆษณาที่กินใจ เมื่อเห็นแล้วน่าจับจองไว้ขับซักคัน
               
               Vios Minor Change เป็นการออกแบบการโฆษณา หรือการประชาสัมพันธ์ แน่นอนว่าเขาต้องมีจุดประสงค์หลักในการออกแบบ ว่าเขาออกแบบโปสเตอร์มาเพื่ออะไร?  และคำตอบก็เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้าของเขา รวมถึงการเพิ่มยอดการขายรถ TOYOTA VIOS นั้นเอง หลักการในการออกแบบ Vios Minor Change สามารถออกแบบได้อย่างสวยงาม ควรคู่แก่รางวัลที่เขาได้มา ในเรื่องของ background สีเมฆที่สามารถไล่จากสีดำจนมาสว่างอย่างงดงาม สถานที่นั้นคือตึกที่ดูสวยหรู ไม่ว่าจะเป็นการวางมุมของตึก การใส่เส้นลวดลายตึก การใช้สีของตึก เขาสามารถออกแบบและปรับแต่งออกมาได้ดีมาก โดยไม่มีที่ติเลยทีเดียว ในเรื่องของพรีเซนเตอร์ ชายที่นั่งถือกีต้าร์คือ ว่าน ธนกฤต พานิชย์วิทย์ ส่วนอีกคนที่ยืนคือ โจ ภาณุพล เอกเพชร ทั้ง 2 คนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ตามหาฝันของตนเอง จากการประกวด Academy Fantasia seasons 2 จนประสบผลสำเร็จในชีวิตของตนเองในที่สุด ซึ่งเขาสามารถหาพรีเซนเตอร์ได้ถูกต้องตรงกับคำโปรยด้านล่างที่ว่า “ทำทุกอย่างที่ท้าทาย อย่างที่ใจอยากเป็น” พรีเซนเตอร์ทั้ง 2 คนอยากเป็นนักร้อง เลยทำตามตามความท้าทายที่ตนเองอยากเป็น ซึ่งถูก แต่ในความคิดของผมแล้วผมกลับคิดว่านี่คือสิ่งที่พร่อง ทำไมต้องเป็น ว่าน กัน โจ ทำไมไม่เป็น บี้ สุกฤษฏิ์ ,โดม ปกรณ์ ลัม, นิว-จิ๋ว ซึ่งผมคิดว่าบุคคลเหล่านี้ก็ทำตามฝันของตนเองเหมือนกัน และน่าจะดีกว่าที่จะนำบุคคลที่ดังกว่าขึ้นโปสเตอร์เชิงการโฆษณาสินค้าหรือการประชาสัมพันธ์ ในเรื่องของสินค้าหลักที่ต้องการนำเสนอคือรถยนต์ สีของรถยนต์ใช้สีแดง Blackish Red Mica ซึ่งเป็นหนึ่งในสีใหม่ของรถยนต์รุ่นนี้ สีของรถยนต์สามารถตัดกับสิ่งอื่นๆ เพื่อให้รถยนต์เห็นเด่นชัด และในเรื่องของการวางรถยนต์ก็วางได้อย่างไม่มีที่ติ เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็นคำโปรยที่สั้นกระชับได้ใจความ กินใจแล้ว โลโก้ NEW VIOS MAKE IT HAPPEN หรือโลโก้ TOYOTA ที่ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเขา การออกแบบฟร้อนและการวางตัวอักษระก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน จากจุดเริ่มต้นในเรื่องของ blackground ฉาก พรีเซนเตอร์ สินค้า และอักษร มีการจัดวางและการออกแบบสมกับโปสเตอร์ที่ควรแก่การได้รับรางวัลจริงๆครับ

               โปสเตอร์ NEW SOLUNA VIOS AIM HIGER เป็นโปสเตอร์รถยนต์ VIOS เหมือนกัน แต่ทำไมโปสเตอร์นี้ถึงไม่ได้รับรางวัล หากถามในความคิดของผมแล้ว ผมก็มองว่าสวยแต่มันยังดูไม่มีจุดที่น่าสนใจเท่าโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัล มีจุดเด่นแค่รถยนต์ที่เขาต้องการนำเสนอ และส่วนประกอบของรถยนต์ ส่วนคำโปรยที่กินใจที่ว่า "เพราะคุณทำได้ยิ่งกว่า เป็นไปได้มากกว่า” อะไรคือสิ่งที่ยิ่งกว่าละครับ อะไรคือข้อเปรียบเทียบที่ว่า นี่คือสิ่งที่ดียิ่งกว่า นั้นหมายความว่าโปสเตอร์ชิ้นนี้ไม่มีความชัดเจนในตัวของมันเอง แต่หากถามเรื่องการใช้สี หรือbackground ของมัน ผมชอบนะครับ อันนี้อาจเป็นเพราะความชอบของบุคคล ผมชอบสีดำอยู่แล้ว และรถยนต์ที่เขาใช้ก็สวยงามดี สีตัดกับbackground ให้เห็นสินค้าเด่นชัด แต่หากถามในเรื่องของความคิดเห็นแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ คงชอบโปสเตอร์ที่มีรางวัลการันตรีอย่างแน่นอน
               

            โปสเตอร์ MAZDA BT 50 ก็เป็นอีกโปสเตอร์ของรถยนต์ที่ออกแบบมา แต่ไม่ได้รับรางวัล MAZDA BT 50 เป็นแนวรถกระบะ ซึ่งเขาสามารถมีความคิดที่จะออกแบบให้แบบเข้มแข็ง ดูถึก ดูอดทน เขาวางสะพานได้ที่ดูแข็งแกร่ง การใช้สีดำ สีเมฆครึ้ม ดูแล้วเข้ากับรถกระบะ มันดูแล้วแข็งแรง ใจลึกๆแล้วผมชอบนะครับ แต่อย่างที่บอกไป ผมอาจชอบสีดำเป็นชีวิตจิตใจของผมอยู่แล้ว ส่วนพรีเซนเตอร์เป็นผู้พันเบิร์ด หรือพันโท วันชนะ สวัสดี ผมขอปรบมมือให้กับการเลือกพรีเซนเตอร์ของเขานะครับว่า เขาสามารถหาพรีเซนเตอร์ได้เข้ากับสินค้าที่เข้าต้องการโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์รถยนต์ของเขาในครั้งนี้ แต่ทั้งนี้ที่โปสเตอร์ชิ้นนี้ไม่ได้รับรางวัลอาจเป็นเพราะการวางฉาก หารวางสินค้า หรือคำโปรยที่ยังไม่ได้ออกมา หรือคำโปรยที่มีความเด่นชัดไม่เพียงพอเท่ากับ VIOS ที่ได้รับรางวัลก็เป็นได้ ทั้งนี้อาจเพราะรถกระบะ BT 50 มียอดการพัฒนาที่น้อยกว่า VIOS ก็เป็นได้ครับ
               
                  โปสเตอร์ที่ชอบกับโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ที่ความคิดของแต่ละคนครับ แต่โปสเตอร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มยอดขายสินค้าชนิดนั้น หากโปสเตอร์ที่ผลิตนั้นออกมาดี ดูสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสี การออกแบบ การใช้พร้อน หรือพรีเซนเตอร์ หากสะดุดตาแล้ว แน่นอนว่าคนที่เห็นจะต้องมีความสนใจในสินค้านั้น แล้วเขาจะไปศึกษาหาข้อมูล จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจซื้อสินค้าตัวนั้นเองแหละครับ




ขอบคุณรูปภาพจาก



วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัล



                จากเวทีการประกวดที่ยิ่งใหญ่กับการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 ภายใต้สมาคมการพิมพ์ไทย จนประเทศไทยได้รับความสำเร็จในระดับนานาชาติ เมื่อได้ก้าวสู่อันดับ 1 ของเอเชีย จากการส่งผลงานที่ได้รับรางวัลเหรียญทองชนะเลิศไปร่วมแข่งขันในงาน Asian Print Awards ทำให้รู้ว่า อุตสาหกรรมการพิมพ์ของไทยได้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความสำคัญของคุณภาพงานพิมพ์ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งการประกวดสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 อยู่ภายใต้สโลแกน “Beyond the Border of Printing Excellence” หมายความว่า การก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่เหนือกว่าความยอดเยี่ยมในครั้งที่ผ่านมา                                                                                                  

                  
         ผลการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 ประเภทโปสเตอร์ รางวัล Gold Awards เป็นของโปสเตอร์ Vios Minor Change รางวัล Silver Awards เป็นของ Thailand The Land of Smiles and Sweets และ When Tuning is our culture และรางวัล Bronze Awards เป็นของ INOA ซึ่งต้องขอชมเชิญหลักการออกแบบของทุกๆ รางวัล ว่ามีหลักการออกแบบได้เป็นอย่างดี มีความถูกต้องตามหลักการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มีความเป็นเอกลักษณ์ เห็นแล้วจดจำได้ง่าย ลักษณะการวางภาพที่สวยงามขนาดและ แบบอักษรมีการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ มีคำโปรยที่กินใจ ได้อย่างดีเยี่ยม
                
                   Vios Minor Change โปสเตอร์ที่มีรางวัล Gold Awards จากการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 ภายใต้สมาคมการพิมพ์ไทย มีลักษณะการออกแบบที่สวยงามและโดนใจในตัวของผมดังนี้ ในเรื่องภาพรวมการวางรูปแบบไม่ว่าจะเป็นมุมของตึก นักแสดง 2 คน และรถ เขาสามารถวางแบบได้อย่างสวยงาม เหมาะสมแก่การได้รับรางวัลชนะเลิศเสียจริง ภาพรวมในเรื่องของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย คำโปรยสามารถเชื่อมถึงนักแสดงที่เป็นนักร้อง ถือเครื่องดนตรีได้อย่างลงตัว เพราะทุกคนต้องรู้จักคนธรรมดาที่อยากเป็นนักร้อง จนขึ้นประกวดเวที Academy Fantasia seasons 2 และเป็นนักร้องค่าย Grammy ได้อย่างสำเร็จ ภาพรวมเห็นแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์ จดจำง่ายเพราะมีความเด่นชัดที่รถยนต์ และหากปิดชื่อสินค้าแล้ว คนอื่นที่มาเห็นก็สามารถรู้แน่ว่าเป็นโปสเตอร์ของรถยนต์อย่างแน่นอน ลักษณะของภาพอย่างที่บอกไปข้างต้น ภาพรวมแล้วมีความสวยงาม ดูหรูหรา เป็นที่ดึงดูดของสายตราคนที่มามอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฟ้าที่มีสีดำ เทา ไล่ไปจนเป็นสีขาว มีแสงเปร่งประกายออกมาจากตึกที่มีการดีไซต์แบบออกมาได้อย่างสวยงาม หันด้านเหลี่ยมออกมาอยู่กลางภาพอย่างสวยงาม นักร้องชาย 2 คนได้แก่ ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ ซึ่งนั่งถือกีต้าร์ ส่วนคนที่ยืนชื่อ โจ ภาณุพล เอกเพชร ทั้ง 2 คนนี้เป็นเพียงคนธรรมาที่ตามหาฝันของตนเอง โดยการประกวด Academy Fantasia seasons 2 จนประสบผลสำเร็จในชีวิตของตนเองในที่สุด ซึ่งก็สามารถตอบโจทย์กับคำโปรย “ทำทุกสิ่งที่ท้าทาย อย่างที่ใจอยากเป็น” อีกด้วย การใช้สีของภาพในโปสเตอร์แผ่นนี้อาจดูทึบ นับตั้งแต่ท้องฟ้า สีของตึก เสื้อผ้าของนักร้องทั้ง 2 ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สินค้าของ Vios ดูเด่นขึ้นมา เขาสามารถเลือกสีของรถได้ตัวกับ Background ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสีของรถเป็นสีแดง Blackish Red Mica ใหม่ นอกจากจะเป็นสีที่ตัดกับ Background แล้ว สาเหตุที่เขาเลือกสีของรถให้เป็นสีนี้ก็เพราะว่า เป็นสีที่ Vios ได้ทำออกมาวางขายในท้องตลาดเป็นสีล่าสุดอีกด้วย ในเรื่องของคำโปรย หรือข้อความที่เป็นที่ดึงดูดคือ “ทำทุกสิ่งที่ท้ายทาย อย่างที่ใจอยากเป็น” นับว่าเป็นประโยคสั้นๆ ที่ได้ใจความเป็นอย่างมาก มันดูน่าค้นหา น่าท้าทายว่า เราอยากทำอะไร เราต้องได้ทำแม้ว่าสิ่งนั้นมันจะยาก แต่มันก็น่าท้าทายอยุ่ไม่เบาเช่นกัน ส่วนคำว่า NEW VIOS MAKE IT HAPPEN เปรียบเสมือนรุ่นของรถ ยี่ห้อ TOYOTA ที่บอกอยู่ด้านบน เป็นเพียงจุดเดียวที่บอกยี่ห้อ และรุ่นของรถ ไม่ต้องมีการอธิบายมากมาย เพราะอาจทำให้ดูรกได้ครับ
                
       โดยภาพรวมแล้วของโปสเตอร์ Vios ผมว่าคู่ควรแก่รางวัล Gold Awards จากการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติครั้งที่ 5 ภายใต้สมาคมการพิมพ์ไทย เพราะภาพรวมทั้งหมดดูสวย หรูหรา เรียบง่ายและดูดี นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพคน ตึก หรือรถ ก็สามารถเข้ากันได้ดี และสามารถตอบโจทย์ให้เข้ากับสโลแกนของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ



ขอบคุณรูปภาพจาก




วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ (โปสเตอร์ "นาคปรก")

            โปสเตอร์ภาพยนตร์ หน้าปกนิตยสาร เนื้อใน แผ่นป้าย สื่อโฆษณาต่างๆ ย่อมต้องได้รับการออกแบบเพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ เมื่อมีผู้พบเห็นไม่ว่าจากการเดินผ่าน การแจก หรือจากสื่อทางระบบอินทอร์เน็ต ย่อมต้องมีความน่าอ่าน น่าสนใจเห็นแล้วรู้สึกสะดุดตา เกิดความน่าติดตาม น่ารับชม เพื่อดึงดูดบุคคลให้เข้ามาดู เกิดความประทับใจ       รวมถึงการตัดสินใจหรือการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมทั้งทางด้านการกระทำและความคิดในด้านบวกกับผลิตภัณฑ์ หรือผลงานของผู้ออกแบบด้วย
นาคปรก หนังสะท้อนสังคมที่กล้าตีแผ่มุมมืดของศาสนา เป็นเรื่องของโจรใจบาป 3 คน คิดชั่วโดยการปล้นผ้าเหลือง เพื่อปลอมตัวเป็นพระในการค้นหาเงินก้อนโตที่หายไป ทำให้เกิดความแปดเปื้อนในศาสนา แต่ศาสนาก็สามารถขัดเกลาคนชั่วให้เป็นคนดีได้บ้าง เนื้อหามีฉากดราม่าจนต้องเสียน้ำตาในเรื่องของพระคุณของแม่อีกด้วย  นาคปรก ด้วยส่วนที่เป็นเนื้อหาของหนังที่มีความรุนแรง เกรงว่าเมื่อเข้าฉายแล้วอาจไม่เหมาะสมต่อประชาชน  แต่ในมุมมองของผม ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อภาพยนตร์                     สื่ออินเตอร์เน็ต มันเป็นแค่สื่อที่ถ่ายทอดให้คนได้รับรู้เท่านั้น แต่ในเรื่องของการปฏิบัติตัวย่อมขึ้นอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนเรามากกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงรอคอยการเข้าสู่โรงภาพยนตร์อย่างเต็มตัวถึง 3 ปีเต็ม และเมื่อได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการภาพยนต์เรื่องนี้ไม่มีการตัดออกแม้แต่ฉากเดียว กระแสตอบรับของภาพยนตร์ดีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าการตัวอย่างหนังและโปสเตอร์ภาพยนตร์จะดูรุนแรงเพียงใดก็ตาม


หากถามว่าทำไมถึงชอบโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง นาคปรก คงตอบได้ว่าเมื่อเห็นแล้วรู้สึกว่ามันเกิดความน่าสนใจ เกิดความคิดที่ว่า เราต้องไปดูหนังเรื่องนี้ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด โปสเตอร์สื่อให้ผมสนใจว่า พระถึงใส่กุญแจมือ ทำไมถึงถือปืน ซึ่งเราเห็นและชินกับพระตั้งแต่เกิดว่าต้องอยู่ในวัด เดินบิณฑบาต ฟังเทศน์ ฟังธรรม สอนคนให้เป็นคนดี แล้วทำไมในโปสเตอร์ถึงขัดแย้งกับสิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่เกิด เมื่อเห็นโปสเตอร์แล้วผมคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทยแน่ๆ โปสเตอร์นี้สามารถตอบสนองจุดประสงค์ที่จะสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี มีความชัดเจนในภาพลักษณ์ที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อ ชวนให้น่าติดตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องของหลักการในการออกแบบโปสเตอร์เบื้องต้นครับ นี่แหละครับคือสาเหตุที่ผมชอบโปสเตอร์นี้ 


ในเรื่องของรูปภาพบนโปสเตอร์ มีการจัดวางรูปภาพได้เป็นอย่างดี เน้นแค่สีของจีวรพระเพียงจุดเดียว เพื่อจะสื่อให้เห็นชัดว่าเป็นเรื่องของศาสนา แต่การที่พระ ใส่กญแจมือ มีปืน และหน้าตาของนักแสดง มันทำให้เราคิดว่าเป็นการปล้นผ้าเหลือง เอาศาสนามาทำอ่ะไรในเรื่องไม่ดีหรือป่าว เป็นการใช้พร๊อบได้ดี ด้านซ้ายมือล่างเป็นวัดยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่าเป็นเรื่องของศาสนาแน่นอน ในเรื่องความสมดุลของภาพ มองแล้วเกิดความสบายตา ไม่รกรุงรัง แต่ในความรู้สึกของผมแล้วอยากให้แบล็คกราวด้านหลังของนักแสดงควรเป็นสีดำ เพราะสีดำอาจสื่อของคำว่าความชั่วได้มากกว่าสีขาว หรือด้านล่างก็ควรเป็นสีดำ อาจเปลี่ยนจากควันสีขาวเป็นควันสีดำน่าจะดีกว่าครับ อาจสรุปในหัวข้อรูปภาพได้ว่ามีความชัดเจนเล่นสีของสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้ชัดเจน การวางรูปแบบวางได้ดี มีความสมดุล เกิดความสบายตาในการมองครับ

ในเรื่องตัวอักษร พร้อนคำว่า นาคปรก หามาได้เป็นอย่างดี ควรเป็นพร้อนไทย ซึ่งมีลักษณะแบบนี้ดีแล้ว เพราะหากเป็นพร้อนการ์ตูนคงดูแล้วขัดต่อภาพมากครับ ด้วยขนาดของโปสเตอร์แล้วคำว่า นาคปรก เน้นชัดเจนได้เป็นอย่างดี และสีก็ยังเข้ากับภาพรวมในโปสเตอร์อีกด้วย “ปล้นผ้าเหลืองอำพรางตัว ซ่อนความชั่วใต้ความดี” บทความที่ติดไว้บนโปสเตอร์เป็นบทความที่อ่านแล้วผมรู้สึกว่า มันดีอ่ะครับ มันเจ๋ง มันกินใจ ขนาดของตัวอักษร และการจัดวางในตำแหน่งของบทความก็สามารถทำได้ดีครับ รายชื่อของนักแสดงมุมบนขวา บอกไว้ 3 คน วันที่ฉาย ด้านล่างคำว่า นาคปรก ขนาดของตัวอักษรดีครับ เพราะเมื่อเมื่อคนมองผ่านไปมาต้องเห็นชื่อภาพยนตร์มาก่อนชื่อนักแสดง วันที่ฉาย หรือสปอนเซอร์ด้านล่างอยู่แล้วครับ ภาพรวมของตัวอักษรทั้งหมดในโปสเตอร์ภาพยนตร์นาคปรกนี้ มีการจัดวางตัวอักษร รูปแบบตัวอักษร ระยะห่างของตัวอักษร การใช้คำ การเน้นความชัดเจน อ่านสบายตา ได้เป็นอย่างดีครับ

ภาพรวมของโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนาคปรก เป็นการออกแบบโปสเตอร์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพ การเน้นสีภาพเพื่อเกิดความโดดเด่น สีหน้านักแสดง การวางพร๊อบ รูปแบบตัวอักษร การเน้นสีตัวอักษร เป็นการออกแบบที่วางภาพ ตัวอักษร ได้อย่างสมดุล เมื่อมองเห็นแล้วเกิดความสบายตา หากมองลึกลงไปในตัวของเนื้อหา แน่นอนว่าโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องกระตุ้นให้ผู้พบเห็นเกิดความตัดสินใจไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนคงเห็น สงสัย และงงไปพร้อมๆกันว่า ทำไมพระถึงใส่กุญจมือ และมีปืน พร้อมกับประโยคที่ชวนคิดที่ว่า “ปล้นผ้าเหลืองอำพรางตัว ซ่อนความชั่วใต้ความดี” นี่แหละครับเป็นโปสเตอร์ที่ผมชอบ และแน่นอนว่าผมก็ไม่พลาดที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกัน


ขอขอบคุณรูปภาพจาพ http://movie.kapook.com/view8875.html

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

อิทธิพลของสื่อสิ่งพิมพ์ "ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง"


ในปัจจุบันโลกของเราได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ วิถีชีวิต วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงเรื่องของการเมืองการปกครองด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทุกๆสิ่งล้วนเกิดจากวิวัฒนาการจากอดีตจนปัจจุบัน เช่นสมัยก่อน การปกครองเป็นในรูปแบบ พ่อปกครองลูก หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนปัจจุบันการปกครองจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ในหัวข้อของการเมืองหลายคนพยามปฏิเสธว่า ตนเองไม่ชอบการเมือง ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การเมืองน่าเบื่อ การเมืองน้ำเน่า แต่อย่างไรก็ดี การเมืองส่งผลกระทบต่อตัวเราโดยตรงอย่างที่เราไม่รู้ตัว การที่เราเลือกคนไม่ดีเข้าไปในสถา ก็ส่งผลกระทบต่อตัวเรา เช่น ถ้าของแพง มันก็เกิดจากการเมือง การบริหารการจัดการน้ำท่วมไม่ดี ก็เกิดจากการเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว ในเรื่องของการเมืองเป็นหน้าที่การตัดสินใจของคนทั้งประเทศ แต่การที่เราจะเลือกใครซักคน การที่เราจะรับรู้ว่า เขาเป็นอย่างไร นโยบายของเขาเป็นอย่างไร เราสามารถรับรู้ได้จากหลากหลายทางมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อวิทยุ สื่อจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ทางอินเตอร์เน็ต หรืออีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง นั้นเอง


ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง คือป้ายโฆษณาตัวผู้สมัคร ด้วยตัวอักษร ภาพ สี เพื่อแสวงหาคะแนนเสียง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับประเทศ ย่อมต้องใช้ป้ายหาเสียงด้วยกันทั้งนั้น

อิทธิพลอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าเป็นข้อดีของป้ายหาเสียงกล่าวคือ อาจต้องบอกก่อนว่า ฐานะของคนในปัจจุบันแตกต่างกันออกไป บางบ้านอาจไม่มีโทรทัศน์ บางบ้านอาจไม่มีวิทยุ อาจไม่มีอินเตอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าบางบ้านอาจไม่สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทุกๆคน ไม่สามารถจะรับรู้นโยบายได้ และอย่างบางคนที่ไม่ชอบเรื่องของการเมือง เขาก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับรู้ในเรื่องของการเมืองเลย ไม่เปิดทีวีช่องการเมือง ไม่ฟังคลื่นวิทยุช่องการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถรับรู้ได้ทั่วกัน คือทุกๆคนต้องออกจากบ้าน ทุกๆคนต้องทำมาหากิน ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่สามารถอยู้บ้านได้ตลอดเวลา และเมื่อออกจากบ้านในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นเป็นประจำนั้นก็คือ ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นป้ายหาเสียงเลือกตั้งเป็นสื่อหลักที่จะเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้มากที่สุด ง่ายที่สุดที่จะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงข้อมูล หน้าตา นโยบาย วุฒิการศึกษา ประวัติการทำงานของผู้สมัคร  ซึ่งมันจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใครซักคนเข้ามาดูแลประชาชน บริหารชุมชน สังคม และประเทศชาติของเรา ยิ่งหากป้ายเลือกตั้งมีมาก มันเป็นหลักจิตวิทยาที่ว่า มันจะฝังอยู่ในใจของเรา เช่น พรรคเอ มี 100 ป้าย เดินทุกๆ 3 ก้าวจะเห็นป้ายหาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับพรรคบี มีแค่ ป้าย แน่นอนว่าเราต้องเลือกพรรคเอ อันนี้เป็นหลักของคนทั่วไป ฉะนั้นการเลือกตั้งมันส่งผลกระทบต่อมวลรวมของคนส่วนใหญ่มาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายเลือกตั้ง ที่ออกมาควบคุมจำนวนป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ว่าในแต่ละเขตติดได้ไม่เกินกี่ป้าย หากพรรคไหนรวยมาก ก็ติดป้ายมาก เขาถือว่าทุกคนต้องเท่าเทียมกัน สาเหตุสำคัญที่ต้องมีกฎหมายควบคุมป้ายหาเสียงเลือกตั้งนั้นก็เพราะว่า ป้ายหาเสียงเลือกตั้งเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการเลือกบุคคลเข้าดูแลประชาชน บริหารชุมชน สังคม และประเทศชาติ เป็นอย่างมาก

อิทธิพลที่เป็นข้อเสียของป้ายหาเสียง คือป้ายเลือกตั้งเราไม่สามารถเชื่อถือมันได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เขาเขียนมา สิ่งที่เขาสื่อมาจากทางป้ายเลือกตั้ง อาจจะเป็นเพียวแค่คำลวง เราต้องพิจารณานโยบายของเขาด้วย ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เช่น ถ้าเขาบอกว่าเขาจะสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เราก็ต้องไตร่ตรอง คิดซักนิดว่า เขาจะทำได้หลอ ซึ่งแน่นอนมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่หากเราเห็นว่ามันเป็นความคิดที่สุดยอด และเราเลือก มันก็อาจจะกลายเป็นว่า เราเลือกคนไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย ซึ่งอาจก่อผลเสียโดยตรงต่อตัวเราเอง ต่อชุมชน ต่อสังคม หรือต่อประเทศได้ ข้อเสียของป้ายหาเสียงเลือกตั้งโดยทางอ้อมอีกข้อหนึ่ง คือ เกิดการบทบังทัศนียภาพของเมือง บทบังความงดงามของเมือง แต่ในปัจจุบันป้ายหาเสียงเลือกตั้งสามารถนำไปรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ได้


ตัวอย่างข่าวหรือเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับป้ายหาเสียงเลือกตั้งที่เห็นชัดที่สุด และรุนแรงที่สุด ก็คงจะเป็นป้ายเลือกตั้งของพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย พรรคการเมืองใหม่ ที่เป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ (สุนัข ควาย ตัวเงินตัวทอง เป็นต้น) นี่ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งสาเหตุที่เขาทำป้ายออกมานั้นคือเข้าเห็นว่านักการเมืองเป็นคนไม่ดี ไม่ต่างจากสัตว์ประเภทต่างๆที่เขาได้ทำป้ายหาเสียงเลือกตั้ง เรามาพัฒนารูปแบบของการเมืองให้เป็นรูปแบบใหม่กันดีกว่า ด้วยการ vote no หรือการไม่เลือกผู้สมัครเบอร์ใดเลยก็ตาม ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการเข้าใจผิดของการเลือกตั้ง เข้าคิดว่าการ vote no เกินกี่เขตจะทำให้ประชุมสภาไม่ได้ แต่จริงๆมันอาจไม่ใช่แบบนั้น หากถามว่าป้ายเลือกตั้งแบบนี้ผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างไร การทำป้ายในลักษณะนี้ขึ้นมาในเลือก vote no คือไม่เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเบอร์ใดๆ นั้นเป็นการสนับสนุนให้บุคคล ไม่เลือกสภาผู้แทนราษฎร นั้นเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้ง สุดท้าย กกต ก้ให้ถอนป้ายเหล่านั้นออก

ป้ายหาเสียงเลือกตั้งมีอิทธิพลทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจ และการพิจารณาของประชาชนว่าเชื่อป้ายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองมากน้อยเพียงใดแล้วละครับ

ปล. เข้าว่ากันว่า ไม่ควรพูดเรื่องการเมืองกันเพราะอาจทำให้คนทะเลาะกัน ในหัวข้อของป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ผมวิเคราะห์ด้วยตนเอง ว่ามีอิทธิพลที่เป็นทั้งข้อดี และข้อเสียอย่างไ แต่ในเรื่องของข่าว หรือเหตุการณ์ประกอบนี่เป็นข่าวจากทางอินเตอร์เน็ต ผมไม่ได้คิดเอง ไม่ได้โทษ ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดครับ

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

สิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ a day



 a day

"การจากไปของแก้วน้ำ"
ฉันทำแก้วน้ำใบโปรดตกลงพื้น
แก้วน้ำใบนั้นสอนอะไรฉันบ้าง
สอนฉันว่าเธอนั้นช่างเปราะบาง
สอนฉันว่าฉันนั้นควรระมัดระวัง
สอนฉันว่าฉันนั้นผิดพลาดได้
สอนฉันว่าฉันนั้นไม่ควรยึดติด
สอนฉันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
สอนฉันว่าฉันสามารถมีแก้วใบโปรดใบใหม่
เหนือสิ่งอื่นใด..  เธอสอนฉันว่าฉันสามารถรองน้ำด้วยมือของฉันเองได้

นักคิดจิปาถะ 112   ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ
บทความจากคอลัมภ์หนึ่งในนิตยสาร a day เมื่อผมยื่นเงินจำนวน 80 บาทให้ร้านหนังสือ หน้าแรกที่ผมจะอ่านคงเป็นหน้าของนักคิดจิปาถะเป็นอันดับแรก แล้วค่อยๆอ่านในคอลัมภ์ต่อไปว่ามีเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง ซึ่งคอลัมภ์ในนิตยสาร a day จะให้แง่คิด ข้อคิด คติเตือนใจหลายอย่างมากมาย ซึ่งในแต่ละฉบับนั้นจะมีเมนคอร์สที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นเรื่องของสถาที่ท่องเที่ยว เป็นเรื่องของตัวการ์ตูน เป็นเรื่องของโรงเรียน ซึ่งบางทีผมก้คิดไม่ถึงว่าเขาคิดเมนคอร์สเหล่านี้มาจากไหน และคิดขึ้นมาได้อย่างไร มันแลดูแปลกใหม่ น่าติดตาม น่าค้นหา แค่หน้าปกก็ชวนผมเสียตังค์ซื้อแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่เคยเสียดายเงินจำนวน 80 บาท ให้กับนิตยสารดีๆเล่มนี้เลยนะครับ เพราะอะไรน่ะหลอ?? ? เพราะมันมีประโยชน์ในทุกๆคอลัมภ์ที่คุณอาจไม่เคยรู้ หรือเมื่อคุณอ่านคอลัมภ์ไหนแล้วพูดได้คำเดียวว่า “แมร่ง เจ๋ง ว่ะ !! !”  

                Thing positive / เรื่องช่างคิดประจำเดือน เป็นเรื่องของการนำเอาสิ่งประดิษฐ์แบบใหม่ๆที่เกิดขึ้น อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มานำเสนอให้ผู้อ่านได้พูดคำว่า คิดได้ไงอ่ะ เช่น หัวข้อ “ตะกร้อ ขอเปลี่ยน!! ของ วอ ณ บางประอิน กล่าวคือ นักประดิษฐ์หัวสร้างสรรค์ เห็นว่าสุนัขที่ถูกตะกร้อครอบปาก หมายถึง การดุร้าย การโหดร้าย ของเจ้าสุนัข หรือเพื่อความปลอดภัยของคน แม้ว่ามันอาจไม่ต้องการทำร้ายใคร และเข้าคิดว่าถ้าคนที่รักสุนัขมาเห็นอาจรู้สึกไม่สบายใจ สงสาร และแอบหงุดหงิดแทนน้องหมาตัวนั้นก็เป็นได้ เข้าจึงสร้างสรรค์และสรรค์สร้างตระก้อครอปปากยิ้มแย้มสุดแสนน่ารัก เพื่อเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิมจากน้องหมาดุร้าย นิสัยไม่ดี กลายเป็นน้องหมาน้อยอารมณ์ดีและเป็นมิตรในพริบตา นี่เป็นแค่เพียงหนึ่งตัวอย่างของคอลัมภ์ thing positive 129 ยังมีผลงานอีกมากมายที่คิดค้น และประดิษฐ์ขึ้นมา ให้ชาว a day ได้อ่าน ได้มีแนวคิดใหม่ๆ เป็นของตัวเอง ใครจะรู้ล่ะครับว่า คนที่แค่อ่านในปัจจุบันอาจมีผลงานลงนิตยสาร a day หรือก้าวไกลมากกว่าแค่การลงนิตสารก็เป็นได้
                
             PC FLOOR เป็นหนึ่งในคอลัมภ์ของนิตยสาร a day เป็นคอลัมภ์ที่เกี่ยวกับการเขียนโปสการ์ดจากแฟนคลับ ในแต่ละเล่มทีมงานจะมีการคัดเลือกโปสการ์ดจากแฟนคลับเพื่อลงนิตยสารโดยประมาณแล้ว 8-10 ฉบับต่อเล่ม ซึ่งแฟนคลับจะเขียนถึง สถานที่ที่เข้าไปมา บ้างก็เขาใหญ่ บ้างก็ปาย โดยรายละเอียดก็เป็นแนวเล่าสู่กันฟัง ผมอ่านแล้วก็ได้รู้ว่าตอนนั้นสถานที่นั้นเป็นอย่างไร จะไปดีหรือไม่ นี่ก็เป็นข้อดีของคอลัมภ์นี้นะครับ บางคนก็เขียนอยากให้ a day สัมภาษณ์ใคร อยากให้เล่มหน้ามีเมนคอร์สแบบไหน บ้างก็เขียนให้กำลังใจ a day บ้างก็วาดรูปน่ารักๆ ส่งมาให้ รวมถึงเขียนคำคมดีๆ สั้นๆ ให้แฟนคลับคนอื่นๆมาอ่านกัน เช่น ...เธอเคยเชื่อมั้ย เราต่างเกิดมาเพื่อใครซักคน... แน่นอนว่าผมก็เป็นแฟนคลับตัวโยงของนิตยสาร a day และเคยเขียนโปสการ์ดไปเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ลงเป็นส่วนหนึ่งของ PC FLOOR เลยซักครั้ง บางทีผมจะต้องสรรค์สร้างคำพูดดีๆ คำคมไพเราะเพราะพริ้ง เพราะผมอยากมีโปสการ์ดลงนิตยสารที่ผมรักให้ได้

                Retweet เป็นอีกคอลัมภ์ที่ผมชอบในระดับต้นๆ ของนิตยสาร a day เลยละครับ retweet คือปรัชญาในทวิตเตอร์ โดยจะมีคำคม หรือปรัชญาดีๆ 10 ประโยคโดนใจ ซึ่งทางทีมงานของ a day จะคัดเลือกมาลงในนิตยสารทุกๆ ฉบับเป็นอย่างดี เช่น...       
- หลานเจ็ดขอบบอกว่า รถมันก็ติดเหมือนเมื่อวานนั้นแหละ!!! เออว่ะ @thitipan                                                                                 
- ผมไม่ได้อยากนอนแค่หลับตาเพื่อรอเวลาตื่น ผมไม่ได้อยากหลับฝันดี เพราะช่วงเวลาที่ใช้ในการทำ “ฝัน” ให้ “ดี” ต้องเป็นเวลาที่ “ตื่น” เท่านั้น @na_nake                                                                                                                                                                     
- เหตุผลที่เด็กผู้ชายไม่ควรเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เพราะว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ในวัยไหนก็ควรจะรู้ว่า ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น @Preeyaparn
นั้นเป็นเพียง 3 ประโยเด็ด จาก 10 ประโยค จากนิตยสาร a day 129 ผมคิดว่าบางทีในประโยคเด็ดๆ ก็ซ่อนแง่คิดดีๆให้กับผู้อ่านเช่นกัน ผู้ใหญ่อายุ 40 ปี บ่นทุกครั้งที่รถติด ซึ่งมันก็ติดทุกวัน แล้วเราก็ไม่มีทางแก้ไขมันได้ แต่เด็ก 7 ขวบก็พูดออกมาว่า มันก็ติดของมันทุกวัน นี่ก็เรื่องจริง เรื่องจริงอีกเรื่อง คุณลองย้อนคิดนะครับว่า ทำไมเวลาที่เรากำลังฝันดีๆ อินไปกับการฝันนั้น นาฬิกาต้องปลุกทุกที ผมคิดว่าในทุกๆบทความมีแง่คิดทั้งหมดแหละครับ และผมก็เชื่อว่าเมื่ออ่านแล้วคนอ่านต้องยิ้มอย่างแน่นอน บางคนอาจนำเอาไปตั้งสถานะ Facebook เหมือนผมก็ได้ แต่อย่าลืมใส่เครดิตผู้คิดปรัชญาดีๆให้เขาด้วยแล้วกันนะครับ

                นักคิดจิปาถะ เป็นคอลัมภ์ที่ผมชอบมากที่สุด ผมชอบความคิดของคนที่เขียน ชอบคิดอะไรแปลกๆ หักมุมตอนท้าย ให้แง่คิดทั้งๆที่เป็นเรื่องที่อาจไม่มีแง่คิดก็เป็นได้ บางทีในชีวิตประจำวันของผม เมื่อผมเจอกับเหตุการณ์นึ่ง ผมก็เอานักคิดจิปาถะเข้าไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยครับ หาถามว่าคอลัมภ์นี้ผมชอบกวีไหนมากที่สุดคงเป็น “การจากไปของแก้วน้ำ” ส่วนรองลงมาคงเป้น “ไข่ดาวหนึ่งร้อยฟอง” ลองอ่านดูนะครับว่า นักคิดจิปาถะเขาให้อะไรกับคนอ่าน                                                             
                                                                                                                   “ไข่ดาวหนึ่งร้อยฟอง”
ไข่ใบที่หนึ่ง เหลวไม่เป็นท่า
ไข่ใบที่สิบสอง กลุ่มก้อนขาวๆ เหลืองๆ
ไข่ใบที่ยี่สิบเจ็ด เริ่มเป้นรูปเป็นร่าง
ไข่ใบที่แปดสิบสอง ขอบไข่ฟูกรอบสวยงาม
ไข่ใบที่เก้าสิบเก้า ไข่ดาวยางมะตูมช่างน่ากิน
ไข่ใบที่เท่าไหร่ ฉันก็สามารถบังคับน้ำมัน ไฟ และไข่ ได้อย่างใจ
มีคนถามฉันว่า “เธอทำได้อย่างไร ช่วยบอกเคล็ดลับนั้น... ให้ฉันที”
ฉันตอบกลับไปว่า...
                                                                   “เคล็ดลับของการทอดไข่ อยู่ในทุกๆใบที่เธอทอด"
ขอขอบคุณ ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ ที่คิดบทความดีๆ เจ๋งๆ มาให้ผม และแฟนคลับ a day อ่านกันนะครับ


                a spiritual day ของคุณไตรรงค์ ประสิทธิผล คอลัมภ์นี้จะเป็นแนวการ์ตูน ซึ่งจะมีข้อคิดแฝงไว้ในเรื่อง ในคอลัมภ์นี้จะมีแค่หนึ่งหน้าเท่านั้น แต่อาจมีหลายบล็อก หลายตัวละคร แต่รับรองได้ว่า มีข้อคิด แง่คิด คำคม หรือคำพูดดีๆ ให้แฟนคลับได้อ่านกันอย่างแน่นอน

                นิตยสาร a day ฉบับ 129 ประจำเดือน พฤษภาคม 2554 ซึ่งมีเมนคอร์สเกี่ยวกับความหลากหลายของระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน รูปแบบการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนทั้งในและนอกระบบ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและยิ่งใหญ่ในแง่ของการพัฒนามนุษย์ผ่านการเรียนรู้ ซึ่งข้อมูล ภาพถ่าย และบทสัมภาษณ์ทั้งหมด ได้มาจากการลงพื้นที่ศึกาจากทีมงานทั้งสิ้น ซึ่งทางทีมงานหวังว่าเมรคอร์สฉบับนี้จะให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกา และกระตุ้นความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเรียน กระดานดำ ระเบียงห้อง และแจกันใส่ต้นพลูด่างที่โต๊ะคุณครูให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง และช่วงเวลาในโรงเรียนทั้งตอนหัวเราะและร้องไห้ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำเสมอ เมื่อผมอ่านคำนำของเมนคอร์ส a day 129 แล้วหลับตาลง ก็เห็นภาพตัวเองใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงสีกากี รองเท้าผ้าใบ กระโดดโลดเล่นอยู่ที่โรงเรียนทันที ทำให้ผมคิดถึง และอยากกลับเรียนมัธยมอีกครั้ง a day 129 รวบรวม 27 โรงเรียน 27 บรรยากาศ ให้แฟนคลับได้อ่านและระลึกถึงกัน ผมขอยกตัวอย่าง ดังนี้
1. โรงเรียนอนุบาลบ้านรัก : โรงเรียนที่ไม่สอนเขียน ก ไก่ แต่สอนให้เข้าใจโลก ผ่านการเล่นและการลงมือทำ
2. โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ : โรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งแรกของประเทศไทยที่สอนให้เด็ก “พูด” กับสังคม
3. โรงเรียน BANGKOK CITY BALLET : โรงเรียนบัลเลต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เห็น “เวที” เป็นสำคัญ
4. บ้านเรียนครอบครัวศรียะพันธ์ : โรงเรียนในบ้านที่สอน 2 ลูกศิษย์จอมซนให้เป็นเด็กสมวัย
5. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ : โรงเรียนวิทยาศาตร์ที่เข้มทั้งวิชาการ ข้นทั้งกิจกรรม และคั้นให้เด็ก “คิด” เป็น
6. โรงเรียนสมุดไท สอนศิลปะและการออกแบบ : โรงเรียนที่มีรูปแบบการสอนด้วยการม่ทำลายจินตนาการของเด็ก
7. โรงเรียนปัญญาวุฒิกร : โรงเรียนของคนปัญญาอ่อนที่สอนสังคม ให้อ่อนโยนและเข้มแข็ง
8. โรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี : ผู้นำแฟชั่นระดับตำนาน และทำชุดให้หญิงไทยคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาล
9. โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี : โรงเรียนที่ผลิตนักกีฬาทีมชาติไปคว้าเหรียญทอง
10. โรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน : โรงเรียนของนักแสดงที่ไม่ได้สอนการแสดง
11. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ : โรงเรียนผลิตผู้หมวดที่เดียวของไทย ส่งต่อตำรวจไทยรุ่นต่อไป เป็นต้น

แต่โรงเรียนที่ผมชอบ และขอยกตัวอย่าง คือโรงเรียนวชิราวุธ โรงเรียนสร้างสุภาพบุรุษตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เน้นการเรียนการสอนที่สร้างลูกผู้ชายที่ครบเครื่อง โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคารพและดูแลกันและกัน เพื่อสอนให้เด็กออกไปเป็นหัวหน้าและลูกน้องที่ดีไปพร้อมๆกัน การเรียนเน้นวิชาการและสุนทรียศาสตร์ ส่วนดานกีฬา รักบี้ เป็นกีฬาประเพณีของโรงเรียน มีปรัชญาที่น่าสนใจว่า “กีฬาถ่อยที่เล่นโดยสุภาพบุรุษ” เพราะรักยี้เป็นกีฬาที่สามารถนอกกติกาได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าโรงเรียนนี้จะมีกฎกติกามากมาย เวลาทำผดก็โดนทำโทษกันทั้งหมูคณะ แต่พวกเข้าก็รักโรงเรียนนี้ รักเพื่อนที่ถูกทำโทษไปด้วยกัน รักรุ่นพี่ รุ่นน้อง ครู อาจารย์ ที่ทั้งตึงและหย่อน พร้อมกินนอนมาด้วยกัน และเขาก็ภูมิใจที่ได้เรียนโรงเรียนนี้ บางทีดูเหมือนข้อเสียอย่างเดียวของที่นึกได้คือ เด็กดรงเรียนนี้จีบผู้หญิงไม่ค่อยเก่งเอาเสียเลย เมนคอร์สในแต่ละเล่มมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ให้ความรู้ และความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ผู้อ่านนำความรุ้ที่ได้จาก a day ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีประโยชน์แล้วกันนะครับ

                10 cantos คือ บทกวี 3 บรรทัด ที่แต่ละบรรทัดดูมีความอิสระ เมี่อนำมารวบรวมกันแล้ว ก่อเกิดเป็นจังหวะภาษาและเรื่องราวสั้น ที่มากด้วยอารมณ์และความหมายในหัวข้อของแต่ละอาทิตย์ ทางทีมงานจะคัดมาเพียง 10 บท จากทั้งหมดที่ส่งมา หากผู้ใดได้ขึ้นนิตยสาร a day คอลัมภ์ 10 แคนโต้ จะได้รับรางวัลจากทีมงาน ซึ่งส่วนมากจะเป้นหนังสือดีๆ ซักเล่ม สองเล่ม แล้วแต่อาทิตย์ ส่วน a day 129 มีหัวข้อ “กระดานดำ” ผมขอยก 3 อันดับที่ได้รับรางวัลแล้วกันนครับ                             
                        1.) เสียงหัวเราะ     ความรู้                  ในเวลาที่หายไป
  2.) ความรู้             เปื้อน                      ฝุ่น
                               3.) เรายืนเขียน      กระดานดำ            ข้างๆกัน                                                  เป็นต้น

                Indie reviewed เวทีวิจารณ์ ในคอลัมภ์นี้เป็นเหมือนการขายของ ทาง a day เขาจะนำเอาพวก หนังสือ ภาพยนตร์ อัลบั้มเพลง คลิปวิดิโอ สถานที่ มาพูดคุย บอกเล่าให้แฟนคลับฟัง ซึ่งเขาจะบอกข้อดี ข้อที่น่าสนใจ นำมาวิจารณ์ บอกเล่าให้แฟนคลับ a day ได้รับรู้และหากอยากรู้มากกว่านี้ ก็คงจะไปติดตามกันในนั้นเอาเอง คอลัมภ์นี้มีหลายคนเขียนขึ้น ผมชอบนะครับอ่านแล้วน่าติดตามดี เพราะขนาดผม ผมเองยังติดตาม หาภาพยนตร์ที่ a day นำมาลงไปดูจนได้ หรือสถานที่เที่ยวที่เขานำมาลง ผมก็ทะเยอะทะยานที่จะไป และมันก็ดีจริงอย่างที่ a day พูดไว้จริงๆ

                นิทานล้านบรรทัด คอลัมภ์ปิดท้ายของนิตยสาร a day ของคุณ ประภาส ชลศรานนท์ บ้างเป็นเนื้อเรื่องความเรียง บ้างก็เป็นกลอน บางทีเขาก็เขียนเป็นนิทาน แต่บางทีก็ไม่ใช่นิทาน เขาเขียนขึ้นเพื่อเป็นแง่คิดเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะปิด นิตยสาร a day ลง แล้วเก็บไว้ในลิ้นชักชวนให้หยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

                a day ในแต่ละฉบับมีความแปลกแตกต่างกันไป ในแต่ละคอลัมภ์มีข้อคิด แนวคิดดีๆ มีคำแนะนำดีๆ มีคำคมน่าฟัง มีรูปภาพน่ารักๆ แตกต่างกันไป ผมดั้บประโยชน์มากมายจาก a day ในทุกๆเล่ม ผมจะชอบ ติดตาม และจงรักภักดีต่อ a day ในทุกเล่ม ทุกๆฉบับ ทุกๆคอลัมภ์ เพราะผมถือคติที่ว่า “อย่าเสียดายเงินเพียง 80 บาท กับคว ามรู้จากผู้เขียนมากกว่า 80 คน”